เมนู

5. มาคัณฑิยสูตร


[276] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับบนเครื่องลาดอันลาดด้วยหญ้า
ในโรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชโคตร ใกล้นิคมของชาวกุรุอันชื่อว่า
กัมมาสธัมมะ ในกุรุรัฐ ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกัมมาสธัมมนิคม ครั้นเสด็จ
เที่ยวบิณฑบาตในกัมมาสธัมมนิคมแล้ว ภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตเสด็จ
เข้าไปยังไพรสณฑ์แห่งหนึ่งเพื่อประทับพักกลางวัน ครั้นเสด็จเข้าไปยังไพร-
สณฑ์นั้นแล้ว ประทับนั่งพักกลางวัน ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง.

เรื่องมาคัณฑิยปริพาชก


[277] ครั้งนั้น มาคัณฑิยปริพาชกเดินเที่ยวไปมาเพื่อแก้เมื่อย
เข้าไปถึงโรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชโคตร ได้เห็นเครื่องลาดอันทำ
ด้วยหญ้า ในโรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชโคตร และได้กล่าวกะพราหมณ์
ภารทวาชโคตรว่า ดูก่อนสหาย เครื่องลาดหญ้าที่ปูไว้ในโรงบูชาไฟของท่าน
ภารทวาชะนี้ เป็นของใครหนอ เห็นจะเป็นที่นอนสมควรแก่สมณะ.
ภา. มีอยู่ ท่านมาคัณฑิยะ พระสมณโคดมศากยบุตรออกบวชจาก
ศากยสกุล เกียรติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมนั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า แม้
เพราะเหตุนั้น ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เอง
โดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดี ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึก
บุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็น
ผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ที่นอนนี้ปูไว้สำหรับท่านพระโคดมนั้น.

มา. ท่านภารทวาชะ พวกเราที่ได้เห็นที่นอนของท่านพระโคดมผู้
กำจัดความเจริญนั้น ชื่อว่าได้เห็นชั่ว.
ภา. ดูก่อน มาคัณฑิยะ ท่านจงรักษาวาจานี้ไว้ ดูก่อนท่านมาคัณฑิยะ
ท่านจงรักษาวาจานี้ไว้ ความจริง กษัตริย์ที่เป็นบัณฑิตก็ดี พราหมณ์ที่เป็น
บัณฑิตก็ดี คฤหบดีที่เป็นบัณฑิตก็ดี สมณะที่เป็นบัณฑิตเป็นอันมากก็ดี พา
กันเลื่อมใสยิ่งนักต่อท่านพระโคดมพระองค์นั้น ท่านพระโคดมทรงแนะนำใน
ธรรมที่มีเหตุอันบริสุทธิ์ไม่มีโทษ.
มา. ท่านภารทวาชะ ถ้าแม้พวกเราได้พบท่านพระโคดมนั้นต่อหน้า
เราก็พึงกล่าวกะท่านพระโคดมต่อหน้าว่า พระสมณโคดมผู้กำจัดความเจริญ
ดังนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า คำเช่นนี้ลงในสูตรของเราทั้งหลาย
ภา. ถ้าการที่จะกล่าวนั้น ไม่เป็นการหนักแก่ท่านมาคัณฑิยะ ข้าพ-
เจ้าจักทูลกะพระสมณโคดมพระองค์นั้น.
มา. ท่านภารทวาชะ จงมีความขวนขวายน้อยเถิด เราได้ว่าไว้แล้ว
ก็พึงกล่าวกะพระองค์เถิด.
[278] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสดับคำสนทนานี้ของพราหมณ์
ภารทวาชโคตรกับมาคัณฑิยปริพาชกด้วยทิพโสตธาตุ อันบริสุทธิ์ล่วงโสตของ
มนุษย์ ครั้นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้น เสด็จเข้าไปยัง
โรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชโคตร ประทับนั่งบนเครื่องลาดหญ้าที่เขา
ลาดไว้ ลำดับนั้นพราหมณ์ภารทวาชโคตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก
ถึงกันไปแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะเขาว่า
ดูก่อนภารทวาชะ ท่านกับมาคัณฑิยปริพาชกปรารภถึงเครื่องลาดหญ้านี้ ได้

เจรจาโต้ตอบกันอย่างไรบ้าง เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์
ภารทวาชโคตรตกใจ เกิดโลมชาติชูชัน ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าพเจ้าปรารถนาจะกราบทูลเรื่องนี้แก่ท่านพระโคดม แต่ท่านพระโคดมตรัส
เสียก่อนที่ข้าพเจ้ายังไม่ทันกราบทูล ก็และเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพราหมณ์
ภารทวาชโคตรเจรจากันยังค้างอยู่ในระหว่างนี้ ลำดับนั้น มาคัณฑิยปริพาชก
กำลังเดินเที่ยวไปมาแก้เมื่อยอยู่ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังโรงบูชาไฟ
ของพราหมณ์ภารทวาชโคตร แล้วได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้น
ผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

พระพุทธเจ้าตรัสซักถามมาคัณฑิยะเรื่องกามคุณ


[279] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะมาคัณฑิยปริพาชกผู้นั่งอยู่ ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนมาคัณฑิยะ นัยน์ตามีรูปเป็นที่มายินดี. . . หูมีเสียง
เป็นที่มายินดี. . .จมูกมีกลิ่นเป็นที่มายินดี. . .ลิ้นมีรสเป็นที่มายินดี. . .กายมีโผฏ-
ฐัพพะเป็นที่มายินดี. . .ใจมีธรรมารมณ์เป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม อัน
ธรรมให้บันเทิงแล้ว ใจนั่นตถาคตทรมานแล้ว คุ้มครองแล้ว รักษาแล้ว
สำรวมแล้ว อนึ่งตถาคตย่อมแสดงธรรมเพื่อสำรวมใจมั่น ดูก่อนมาคัณฑิยะ
คำที่ท่านกล่าวว่าพระสมณโคดมเป็นผู้กำจัดความเจริญนั้น ท่านหมายเอาความ
ข้อนี้ละซิหนอ.
มา. ท่านพระโคดม ก็คำที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า พระสมณโคดมเป็นผู้
กำจัดความเจริญนี้ ข้าพเจ้าหมายเอาความข้อนี้แหละ ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร
เพราะคำเช่นนี้ลงกันในสูตรของข้าพเจ้า.